วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ตัวแปรคือ ชื่อที่ผู้เขียนโปรแกรมตั้งขึ้นเพื่อจำค่าบางอย่าง
method,function
class player
strcture Data type
abstract data type

int,float,double,char,string

class player
{
name;
number;
postion;
}
class Form
{
text;
size;
name;
}

class คือโครงสร้างของวัตถุ
c# data type
//global variable

ส่งสองคน
1.นางสาวมลิวรรณ บุญชัยโย เลขที่15
2.นางสาวทิพวรรณ เลพล เลขที่30

วันพุธที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553

งานที่ 1

1.อธิบายเหตุผลที่ต้องมีการเขียนโปรแกรม
แต่ก่อนการเขียน web application ด้วยภาษา PHP มีลักษณะการทำงานแบบเป็นลำดับขั้นจากบนลงล่าง หรือที่เราเรียกว่า Structured Programming ซึ่งมีความยุ่งยากในการพัฒนา เนื่องจากหากในระบบเรามีการเขียนโปรแกรมลักษณะเดิมซ้ำๆกัน เราจะไม่สามารถนำโค๊ดเก่ามาใช้ได้ เราต้องเขียนใหม่(เขียนโค๊ดเก่าซ้ำอีกทีนึง)ตลอดเรียงเป็นลำดับต่อลงมาเรื่อยๆๆ ทำให้เป็นการเขียนโปรแกรมซ้ำซ้อน หากเป็นระบบใหญ่ๆพัฒนาเป็นทีมจะทำให้พัฒนายากมาก เพราะว่าต่างคนก็ต่างเขียนโปรแกรมของตนไปและนำมารวมกันได้ยาก
ดังนั้นจึงได้เกิดแนวคิดการเขียนโปรแกรมแบบ OOP ขึ้น ซึ่งสามารถนำโค๊ดเดิมที่เขียนใว้แล้วมาสืบทอดคุณสมบัติพัฒนาต่อได้ โดยไม่ต้องเขียนโค๊ดขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ลดความซ้ำซ้อนในการเขียนโปรแกรม สามารถพัฒนาระบบร่วมกันเป็นทีมได้ง่าย
ข้อแตกต่างระหว่างการเขียนโปรแกรมแบบ Procedural และ OOP
Procedural
- จะให้ความสำคัญกับขั้นตอนกระบวนการที่ทำ หรือให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นลำดับขั้นจากบนลงล่าง
- จะมองว่าโปรแกรมทั้งหมดเป็นโครงสร้างเดียวOOP
- ให้ความสำคัญกับวัตถุ มององค์ประกอบต่างๆของโปรแกรมเป็นวัตถุ
- ไม่สนใจว่าวัตถุมีการทำงานอย่างไร สนใจแต่ผลลัพธ์ภายนอกที่ได้ เช่น ไม่สนใจว่าโทรทัศน์มีระบบการทำงานอย่างไรรู้แค่วิธีใช้คือเสียบปลั๊กกดสวิตก็พอ เปรียบเทียบกับการเขียนโปรแกรมก็คือ ไม่สนใจว่าภายใน Class ทำงานอย่างไรสนใจแค่ว่า ต้อง Input ข้อมูลอะไรเข้าไปและไ้ด้ข้อมูลอะไรออกมา เป็นต้น
- วัตถุให้ข้อมูลอะไรบ้าง มีข้อมูลอะไรที่จะ Input บ้าง (Data)
- จะกระทำอะไรกับวัตถุนี้บ้าง (Behavior)
- วัตถุสามารถติดต่อหรือปฎิสัมพันธ์กันได้
- กระจายการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- ลดความซ้ำซ้อนในการเขียนโปรแกรม นำโค๊ดเก่ากลับมาใช้ใหม่ได้
การมองสิ่งต่างๆในเชิงวัตถุ
เช่น ในระบบการลงทะเบียนมีวัตถุอะไรบ้าง วัตถุแต่ละอย่างมีข้อมูล(data)อะไร และจะ มีพฤติกรรมอะไร(Behavior)ปฏิสัมพันธ์กับวัตถุอะไรบ้าง
นักเรียน มีข้อมูล(data) = รหัสนักศึกษา,ชื่อสกุล,วันเดือนปีเกิด ฯลฯ
รายวิชา มีข้อมูล(data) = รหัสรายวิชา,ชื่อรายวิชา ฯลฯ
นักเรียน มีพฤติกรรม(Behavior) = แ้ก้ไขข้อมูล ฯลฯ
นักเรียน ลงทะเบียน(มีปฏิสัมพันธ์) กับ รายวิชา
เป็นต้น
ในตัวอย่างข้างต้นเราสามารถสร้าง Class นักเรียน ซึ่งมี Method (Behavior) แก้ไขข้อมูล,ลงทะเบียน ฯลฯ อยู่ใน Class นักเรียน
สร้าง Class รายวิชา ซึ่งมี Method (Behavior) แก้ไขรายวิชา ฯลฯ อยู่ใน Class รายวิชา
โดยที่ Class ทั้งสองคลาสสามารถมีปฏิสัมพันธ์กันได้

เดี๋ยววันหลังจะมาเขียนวิธีสร้าง Class และ Method

2.อธิบายความหมายของคำว่าโปรแกรม
โปรแกรม คือ ชุดคำสั่งที่สั่งงานคอมพิวเตอร์ ซึ่งโปรแกรมที่จะใช้สั่งงานคอมพิวเตอร์ได้นั้นจะต้องเขียนด้วยภาษาที่คอมพิวเตอร์เข้าใจและสามารถปฎิบัติตามได้ เรียกภาษาทึ่ใช้สั่งคอมพิวเตอร์นี้ว่า ภาษาคอมพิวเตอร์ ผู้เขียนโปรแกรม จะรับข้อกำหนดของโปแกรมจากนักวิเคราะห์ และดำเนินการเขียนโปรแกรมให้ตรงตามข้อกำหนดนั้นๆ

3.อธิบายความหมายของคำว่าโปรแกรมคออมพิวเตอร์
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (อังกฤษ: computer program) คือ กลุ่มชุดคำสั่งที่ใช้อธิบายชิ้นงาน หรือกลุ่มงานที่จะประมวลผลโดยคอมพิวเตอร์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์อาจหมายถึง ซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน หรือ โปรแกรม โปรแกรมคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่นั้นเป็นชุดคำสั่งที่ออกแบบตามอัลกอริทึม โดยปกติแล้วเขียนโดยโปรแกรมเมอร์ หรือไม่ก็สร้างโดยโปรแกรมอื่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ชุดหนึ่ง ๆ อาจเขียนขึ้นด้วยระบบรหัส หรือที่เรียกว่า ภาษาเครื่อง ซึ่งมักเขียนได้ยากและเหมาะกับช่างเทคนิคเฉพาะทาง ภายหลังจึงได้มีการสร้างภาษาโปรแกรมที่ใกล้เคียงภาษามนุษย์มากขึ้น เช่น ภาษาแอสเซมบลี (Assembly) ภาษาซี (C) ภาษาโคบอล (COBOL) ภาษาเบสิก (BASIC) ภาษา C# ภาษาจาวา เป็นต้น ผู้เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์อาจเขียนโปรแกรมไว้ใช้ส่วนตัว หรือเพื่อให้ผู้อื่นใช้ต่อ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมประยุกต์หรือไลบรารี เช่น โปรแกรมสำหรับวาดภาพ (graphics) โปรแกรมประมวลผลคำ (word processing) โปรแกรมตารางจัดการ (spread sheet) โปรแกรมระบบ (systems software) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยมักติดตั้งมาจากโรงงานที่ผลิต และโปรแกรมระบบปฏิบัติการ (operating system) ที่จะทำหน้าที่เหมือนผู้จัดการคอยดูแลให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ทำงานให้ประสานกัน ในการเขียนโปรแกรม ผู้เขียนจะต้องเข้าใจขั้นตอนวิธี (อัลกอริทึม) และภาษาที่จะใช้เป็นอย่างดี จึงจะสามารถเขียนโปรแกรมเพื่อควบคุมเครื่องให้ทำงานได้ตามความต้องการ

4.อธิบายลักษณะสำคัญของคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์จัดเป็นองค์ประกอบสำคัญหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศ
คอมพิวเตอร์มาจากภาษาละตินว่า Computare ซึ่งหมายถึง การนับ หรือ การคำนวณ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า "เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่เหมือนสมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่างๆ ที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์"
คอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ทำงานแทนมนุษย์ ในด้านการคิดคำนวณและสามารถจำข้อมูล ทั้งตัวเลขและตัวอักษรได้เพื่อการเรียกใช้งานในครั้งต่อไป นอกจากนี้ ยังสามารถจัดการกับสัญลักษณ์ได้ด้วยความเร็วสูง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของโปรแกรม คอมพิวเตอร์ยังมีความสามารถในด้านต่างๆ อีกมาก อาทิเช่น การเปรียบเทียบทางตรรกศาสตร์ การรับส่งข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่องและสามารถประมวลผลจากข้อมูลต่างๆ ได้

5.อธิบายการแก้ปัญหาด้วยคอมพิวเตอร์

1 ทำความเข้าใจปัญหา หรือโจทย์ (The Dialogue)
2 กำหนดขอบเขตการทำงาน (The Specification)
3 การแบ่งปัญหาออกเป็น ส่วนๆ และทำการจัดการทีละส่วน (Breakdown)
4 กำหนดวิธีการ (Defining Abstraction)
5 เขียนโปรแกรม (Coding)
6 การทดสอบและตรวจสอบความถูกต้อง (Test and Verification)
7 การนำโปรแกรมไปใช้งาน (Implementation and Maintenance)
ทำความเข้าใจปัญหา (The Dialogue)
ปัญหา คือการหาค่าเฉลี่ย ของผลสอบวิชาหนึ่ง
ค่าเฉลี่ย คือ อะไร ? จะหาค่าได้อย่างไร
วิชานั้นๆ มีนักศึกษาทั้งหมดกี่คน
ผลสอบจะนำมาจากอุปกรณ์ใด
แสดงผลลัพธ์ อย่างไร
กำหนดขอบเขตของการทำงาน (The specification)
การหาค่าเฉลี่ย
คำนวณได้สูงสุดไม่เกิน 200 คน
ตัวเลขสามารถคำนวณเป็น เลขจำนวนเต็มและเลขทศนิยม
การป้อนข้อมูล เป็นแบบเรียงลำดับทีละคน ไปเรื่อยๆ
อื่น ๆ
ทดสอบและตรวจสอบ (Test and verification
ทดสอบการทำงาน โดยใช้ชุดข้อมูลที่เตรียมไว้
ถ้าไม่ถูกต้อง กลับไปแก้ไข



ส่ง 2 คนค่ะอาจารย์ มลิวรรณ และ ทิพวรรณ

วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

แบบทดสอบ

1. จงบอกประเภทต่างๆ ของคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 4ประเภท
ตอบ 1.ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Super Computer)
2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer
3.มินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer
4.ไมโครคอมพิวเตอร์ (Micro Computer)
2. จงบอกชื่อระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันอย่างน้อย 3 ชื่อ
ตอบ 1. CP/M 2.MP/M 3.TRS-DOS 4.ProDOS 5.DOS
3. จงบอกประเภทของซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์อย่างน้อย 2 ประเภท
ตอบ ซอฟต์แวร์แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ
• ซอฟต์แวร์ระบบ ใช้ในการให้คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ทำงานกับระบบคอมพิวเตอร์ได้ โดยรวมถึงระบบปฏิบัติการ ไดรเวอร์ และระบบหลักของคอมพิวเตอร์ต่างๆ
• โปรแกรมประยุกต์ หรือซอฟต์แวร์ประยุกต์ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดำเนินงานต่างๆ โดยทั่วไปเช่นโปรแกรมสำนักงาน ฐานข้อมูล คอมพิวเตอร์เกม เว็บเบราว์เซอร์ โดยโปรแกรมประยุกต์จะมีจียูไอ
• โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ประกอบไปด้วยเครื่องมือช่วยให้โปรแกรมเมอร์เขียนโปรแกรมอื่นๆ หรือโปรแกรมประยุกต์ได้ เครื่องมือต่างๆประกอบไปด้วย คอมไพเลอร์ อินเตอร์พรีเตอร์ ดีบักเกอร์

4. จงบอกองค์ประกอบที่สำคัญในระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์มาอย่างน้อย 2 อย่าง
ตอบ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซอฟต์แวร์ (Software) บุคลากร (Peopleware) ข้อมูลและสารสนเทศ (Data / Information) กระบวนการทำงาน (Procedure)
5.จงบอกส่วนประกอบที่สำคัญในเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 5 อย่าง
ตอบ 1.อุปกรณ์รับข้อมูล 2.อุปกรณ์แสดงผล 3.อุปกรณ์ส่วนประมวลผล 4.สื่อบันทึกข้อมูล
5. อุปกรณ์พ่วงอื่นๆ
6. จงยกตัวอย่างฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์อย่างน้อย 10 อย่าง
ตอบ 1.ซีพียู 2.เมาส์ 3.คีย์บอร์ด 4.สแกนเนอร์ 5.เครื่องพิมพ์ 6.ลำโพง 7.แผงเมนบอร์ดฮาร์ดดิสก์ 8.ดิสก์ไดร์ฟ 9. ซีดีรอม 10.ดีวีดีรอม
7. จงยกตัวอย่างแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ของคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 10 ตัวอย่าง
ตอบ 1. โปรแกรมด้านข้อมูล 2.โปรแกรมด้านงานคำนวณ 3.โปรแกรมสำหรับการนำเสนอข้อมูล4.โปรแกรมการพิมพ์งานและเอกสาร 5.โปรแกรมด้านการตกแต่งภาพ 6.โปรแกรมงานออกแบบสามมิติและภาพเคลื่อนไหว 7.โปรแกรมสำหรับงานกราฟิก 8.โปรแกรมผลิดงานมัลติมิเดีย 9.โปรแกรมดูหนังฟังเพลง 10.โปรแกรมเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต
8. จงบอกชื่อของชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ที่มีหน้าที่ ประมวลผลภาพ
ตอบ การ์ดแสดงผล (Display Card)
9. จงบอกชื่อของชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ที่มีหน้าที่ ประมวลผลเสียง
ตอบ การ์ดเสียง
10. จงบอกชื่อของชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ที่มีหน้าที่เสมือนสมองของคอมพิวเตอร์
ตอบ ซีพียู
11. จงบอกชื่อของชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ที่มีหน้าที่หน่วยเป็นความจำหลัก
ตอบ แรม
12. จงบอกชื่อของชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ที่มีหน้าที่เป็นหน่วยความจำรองอย่างน้อย 3 ชื่อ
ตอบ 1. ฮาร์ดดิสก์ 2. แผ่นบัน 3. ซีดีรอม 4. ดีวีดี 5. หน่วยความจำแบบแฟลช
13. จงบอกชื่อของชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ที่มีหน้าที่เป็นส่วนรับข้อมูลเข้าอย่างน้อย 5 ชื่อ
ตอบ -แป้นพิมพ์ (Keyboard)
-เมาส์ (Mouse)
-ไมโครโฟน (Microphone)
-แสกนเนอร์ (Scanner)
-กล้องดิจิตอล
14. จงบอกชื่อของชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ที่มีหน้าที่เป็นหน่วยแสดงผลข้อมูลของคอมพิวเตอร์
อย่างน้อย 3 ชื่อ
ตอบ 1. หน่วยแสดงผลชั่วคราว ที่แสดงให้ผู้ใช้ได้รับทราบในขณะนั้น แต่เมื่อเลิกทำงานหรือเลิกใช้แล้วผลนั้นก็จะหายไปคะ เเช่น
จอภาพ (Monitor) อุปกรณ์ฉายภาพ (Projector) อุปกรณ์เสียง (Audio Output เช่น ลำโพง)
2. หน่วยแสดงผลถาวร (Hard Copy) ที่สามารถจับต้อง และเคลื่อนย้ายได้ตามต้องการ มักจะออกมาในรูปของกระดาษ ซึ่ง
ผู้ใช้สามารถนำไปใช้ในที่ต่าง ๆ ได้คะ เช่น เครื่องพิมพ์ (printer) เครื่องพลอตเตอร์ (plotter)
15. จงบอกชื่อของชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ที่มีหน้าที่ ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์บนเมนบอร์ดให้ทำงานอย่างสัมพันธ์กัน
ตอบ ชุดชิพเซ็ต
16. จงบอกชื่อของชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ที่มีหน้าที่เป็นตัวจ่ายกำลังงานไฟฟ้าให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์
ตอบ ฮาร์ดิสค์ พัดลมระบายความร้อน ซีดีรอมหรือดีวีดีรอม อีกส่วนหนึ่งที่จำเป็นต้องใช้คือจอภาพโมนิเตอร์ของคอมพิวเตอร์ทั้งแบบซีอาร์ที และแบบ แอลซีดี ในส่วนที่ใช้พลังงานไฟฟ้ามากในคอมพิวเตอร์ได้แก่ส่วนที่เป็นวงจรซีพียู ผลจากการทำงานก่อให้เกิดความร้อนสูงจำเป็นต้องมีแผงระบายความร้อนและพัดลมระบายความร้อน ส่วนที่ตัวที่เป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆของคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในตัวถังคอมพิวเตอร์ทั้งหมดนั้นเรียกอีกอย่างว่าเพาเวอร์ซัปพลาย โดยตัวเพาเวอร์ซัปพลายเองก็ต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงานและใช้ไฟฟ้าให้กับพัดลมระบายความร้อน และมีขั้วต่อไฟให้กับซีมียู ให้กับฮาร์ดดิสค์และ ซีดีรอม
17. จงบอกชื่อของชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ที่สามารถบรรจุหรือจำข้อมูลได้มากที่สุด มีราคาต่ำที่สุดที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ซึ่งคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะขาดไม่ได้
ตอบ การ์ดความจำ
18. จงบอกชื่อของชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่สำรองไฟฟ้า ป้องกันกระแสไฟมีปัญหา
ตอบ UPS เป็นคำย่อมาจากคำว่า Uninterruptible Power Supply หรือ "เครื่องสำรองไฟฟ้าและปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ" ถ้าแปลตรงตัว หมายถึง แหล่งจ่ายพลังงานต่อเนื่อง
19. จงยกตัวอย่างเครื่องพิมพ์ประเภทต่างๆ อย่างน้อย 4 ตัวอย่าง
ตอบ 1. เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot Matrix Printer)
2. เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Ink-Jet Printer)
3. เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer)
4. พล็อตเตอร์ (plotter)
20. จงอธิบายลักษณะพิเศษของโปรแกรมสเปรดชีต ที่แตกต่างจากโปรแกรมอื่นๆ
ตอบ โปรแกรมสเปรดชีต (Spreadsheets) โปรแกรมประเภทนี้จะถูกนำมาใช้กับงานที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณตัวเลขในลักษณะต่าง ๆ เช่น คำนวณตัวเลขทางบัญชี เป็นต้น ความสามารถในการคำนวณจะอยู่ที่ผู้ใช้กำหนดสูตรให้โปรแกรมคำนวณตามสูตรที่กำหนด เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลนำเข้า ผลลัพธ์จะถูกปรับปรุงให้สอดคล้องกับข้อมูลนำเข้าโดยอ้างอิงจากสูตรที่ใช้ตัวอย่างโปรแกรมประเภทนี้คือ โปรแกรมไมโครซอฟต์เอกซ์เซล