1.อธิบายเหตุผลที่ต้องมีการเขียนโปรแกรม
แต่ก่อนการเขียน web application ด้วยภาษา PHP มีลักษณะการทำงานแบบเป็นลำดับขั้นจากบนลงล่าง หรือที่เราเรียกว่า Structured Programming ซึ่งมีความยุ่งยากในการพัฒนา เนื่องจากหากในระบบเรามีการเขียนโปรแกรมลักษณะเดิมซ้ำๆกัน เราจะไม่สามารถนำโค๊ดเก่ามาใช้ได้ เราต้องเขียนใหม่(เขียนโค๊ดเก่าซ้ำอีกทีนึง)ตลอดเรียงเป็นลำดับต่อลงมาเรื่อยๆๆ ทำให้เป็นการเขียนโปรแกรมซ้ำซ้อน หากเป็นระบบใหญ่ๆพัฒนาเป็นทีมจะทำให้พัฒนายากมาก เพราะว่าต่างคนก็ต่างเขียนโปรแกรมของตนไปและนำมารวมกันได้ยาก
ดังนั้นจึงได้เกิดแนวคิดการเขียนโปรแกรมแบบ OOP ขึ้น ซึ่งสามารถนำโค๊ดเดิมที่เขียนใว้แล้วมาสืบทอดคุณสมบัติพัฒนาต่อได้ โดยไม่ต้องเขียนโค๊ดขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ลดความซ้ำซ้อนในการเขียนโปรแกรม สามารถพัฒนาระบบร่วมกันเป็นทีมได้ง่าย
ข้อแตกต่างระหว่างการเขียนโปรแกรมแบบ Procedural และ OOP
Procedural
- จะให้ความสำคัญกับขั้นตอนกระบวนการที่ทำ หรือให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นลำดับขั้นจากบนลงล่าง
- จะมองว่าโปรแกรมทั้งหมดเป็นโครงสร้างเดียวOOP
- ให้ความสำคัญกับวัตถุ มององค์ประกอบต่างๆของโปรแกรมเป็นวัตถุ
- ไม่สนใจว่าวัตถุมีการทำงานอย่างไร สนใจแต่ผลลัพธ์ภายนอกที่ได้ เช่น ไม่สนใจว่าโทรทัศน์มีระบบการทำงานอย่างไรรู้แค่วิธีใช้คือเสียบปลั๊กกดสวิตก็พอ เปรียบเทียบกับการเขียนโปรแกรมก็คือ ไม่สนใจว่าภายใน Class ทำงานอย่างไรสนใจแค่ว่า ต้อง Input ข้อมูลอะไรเข้าไปและไ้ด้ข้อมูลอะไรออกมา เป็นต้น
- วัตถุให้ข้อมูลอะไรบ้าง มีข้อมูลอะไรที่จะ Input บ้าง (Data)
- จะกระทำอะไรกับวัตถุนี้บ้าง (Behavior)
- วัตถุสามารถติดต่อหรือปฎิสัมพันธ์กันได้
- กระจายการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- ลดความซ้ำซ้อนในการเขียนโปรแกรม นำโค๊ดเก่ากลับมาใช้ใหม่ได้
การมองสิ่งต่างๆในเชิงวัตถุ
เช่น ในระบบการลงทะเบียนมีวัตถุอะไรบ้าง วัตถุแต่ละอย่างมีข้อมูล(data)อะไร และจะ มีพฤติกรรมอะไร(Behavior)ปฏิสัมพันธ์กับวัตถุอะไรบ้าง
นักเรียน มีข้อมูล(data) = รหัสนักศึกษา,ชื่อสกุล,วันเดือนปีเกิด ฯลฯ
รายวิชา มีข้อมูล(data) = รหัสรายวิชา,ชื่อรายวิชา ฯลฯ
นักเรียน มีพฤติกรรม(Behavior) = แ้ก้ไขข้อมูล ฯลฯ
นักเรียน ลงทะเบียน(มีปฏิสัมพันธ์) กับ รายวิชา
เป็นต้น
ในตัวอย่างข้างต้นเราสามารถสร้าง Class นักเรียน ซึ่งมี Method (Behavior) แก้ไขข้อมูล,ลงทะเบียน ฯลฯ อยู่ใน Class นักเรียน
สร้าง Class รายวิชา ซึ่งมี Method (Behavior) แก้ไขรายวิชา ฯลฯ อยู่ใน Class รายวิชา
โดยที่ Class ทั้งสองคลาสสามารถมีปฏิสัมพันธ์กันได้
เดี๋ยววันหลังจะมาเขียนวิธีสร้าง Class และ Method
2.อธิบายความหมายของคำว่าโปรแกรม
โปรแกรม คือ ชุดคำสั่งที่สั่งงานคอมพิวเตอร์ ซึ่งโปรแกรมที่จะใช้สั่งงานคอมพิวเตอร์ได้นั้นจะต้องเขียนด้วยภาษาที่คอมพิวเตอร์เข้าใจและสามารถปฎิบัติตามได้ เรียกภาษาทึ่ใช้สั่งคอมพิวเตอร์นี้ว่า ภาษาคอมพิวเตอร์ ผู้เขียนโปรแกรม จะรับข้อกำหนดของโปแกรมจากนักวิเคราะห์ และดำเนินการเขียนโปรแกรมให้ตรงตามข้อกำหนดนั้นๆ
3.อธิบายความหมายของคำว่าโปรแกรมคออมพิวเตอร์
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (อังกฤษ: computer program) คือ กลุ่มชุดคำสั่งที่ใช้อธิบายชิ้นงาน หรือกลุ่มงานที่จะประมวลผลโดยคอมพิวเตอร์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์อาจหมายถึง ซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน หรือ โปรแกรม โปรแกรมคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่นั้นเป็นชุดคำสั่งที่ออกแบบตามอัลกอริทึม โดยปกติแล้วเขียนโดยโปรแกรมเมอร์ หรือไม่ก็สร้างโดยโปรแกรมอื่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ชุดหนึ่ง ๆ อาจเขียนขึ้นด้วยระบบรหัส หรือที่เรียกว่า ภาษาเครื่อง ซึ่งมักเขียนได้ยากและเหมาะกับช่างเทคนิคเฉพาะทาง ภายหลังจึงได้มีการสร้างภาษาโปรแกรมที่ใกล้เคียงภาษามนุษย์มากขึ้น เช่น ภาษาแอสเซมบลี (Assembly) ภาษาซี (C) ภาษาโคบอล (COBOL) ภาษาเบสิก (BASIC) ภาษา C# ภาษาจาวา เป็นต้น ผู้เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์อาจเขียนโปรแกรมไว้ใช้ส่วนตัว หรือเพื่อให้ผู้อื่นใช้ต่อ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมประยุกต์หรือไลบรารี เช่น โปรแกรมสำหรับวาดภาพ (graphics) โปรแกรมประมวลผลคำ (word processing) โปรแกรมตารางจัดการ (spread sheet) โปรแกรมระบบ (systems software) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยมักติดตั้งมาจากโรงงานที่ผลิต และโปรแกรมระบบปฏิบัติการ (operating system) ที่จะทำหน้าที่เหมือนผู้จัดการคอยดูแลให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ทำงานให้ประสานกัน ในการเขียนโปรแกรม ผู้เขียนจะต้องเข้าใจขั้นตอนวิธี (อัลกอริทึม) และภาษาที่จะใช้เป็นอย่างดี จึงจะสามารถเขียนโปรแกรมเพื่อควบคุมเครื่องให้ทำงานได้ตามความต้องการ
4.อธิบายลักษณะสำคัญของคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์จัดเป็นองค์ประกอบสำคัญหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศ
คอมพิวเตอร์มาจากภาษาละตินว่า Computare ซึ่งหมายถึง การนับ หรือ การคำนวณ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า "เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่เหมือนสมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่างๆ ที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์"
คอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ทำงานแทนมนุษย์ ในด้านการคิดคำนวณและสามารถจำข้อมูล ทั้งตัวเลขและตัวอักษรได้เพื่อการเรียกใช้งานในครั้งต่อไป นอกจากนี้ ยังสามารถจัดการกับสัญลักษณ์ได้ด้วยความเร็วสูง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของโปรแกรม คอมพิวเตอร์ยังมีความสามารถในด้านต่างๆ อีกมาก อาทิเช่น การเปรียบเทียบทางตรรกศาสตร์ การรับส่งข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่องและสามารถประมวลผลจากข้อมูลต่างๆ ได้
5.อธิบายการแก้ปัญหาด้วยคอมพิวเตอร์
1 ทำความเข้าใจปัญหา หรือโจทย์ (The Dialogue)
2 กำหนดขอบเขตการทำงาน (The Specification)
3 การแบ่งปัญหาออกเป็น ส่วนๆ และทำการจัดการทีละส่วน (Breakdown)
4 กำหนดวิธีการ (Defining Abstraction)
5 เขียนโปรแกรม (Coding)
6 การทดสอบและตรวจสอบความถูกต้อง (Test and Verification)
7 การนำโปรแกรมไปใช้งาน (Implementation and Maintenance)
ทำความเข้าใจปัญหา (The Dialogue)
ปัญหา คือการหาค่าเฉลี่ย ของผลสอบวิชาหนึ่ง
ค่าเฉลี่ย คือ อะไร ? จะหาค่าได้อย่างไร
วิชานั้นๆ มีนักศึกษาทั้งหมดกี่คน
ผลสอบจะนำมาจากอุปกรณ์ใด
แสดงผลลัพธ์ อย่างไร
กำหนดขอบเขตของการทำงาน (The specification)
การหาค่าเฉลี่ย
คำนวณได้สูงสุดไม่เกิน 200 คน
ตัวเลขสามารถคำนวณเป็น เลขจำนวนเต็มและเลขทศนิยม
การป้อนข้อมูล เป็นแบบเรียงลำดับทีละคน ไปเรื่อยๆ
อื่น ๆ
ทดสอบและตรวจสอบ (Test and verification
ทดสอบการทำงาน โดยใช้ชุดข้อมูลที่เตรียมไว้
ถ้าไม่ถูกต้อง กลับไปแก้ไข
ส่ง 2 คนค่ะอาจารย์ มลิวรรณ และ ทิพวรรณ
วันพุธที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)